2026 จำนวนผู้เข้าชม |
Pininfarina บริษัทออกแบบรถชั้นนำจากอิตาลีได้นำเสนอรถ Hypercar EV ระดับสุดยอดของพวกเขาในชื่อว่า "Pininfarina Battista" โดยชื่อนี้ตั้งให้เพื่อเป็นเกียรติแก่นักออกแบบ Battista Farina หรือผู้ก่อตั้งบริษัท Pininfarina S.p.A นั่นเอง
ดีไซน์ภายนอกของ Pininfarina Battista มาในรูปตัวถัง monocoque ทำจากอลูมิเนียม ผสานกับเปลือกตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ บานประตูเปิดแบบButterfly Doors เหมือนที่เห็นกันใน LaFerrari ด้านหน้าตัวรถลาดต่ำมีเส้นไฟ LED พาดยาวเชื่อมระหว่างไฟหน้าเสริมเอกลักษณ์ ระบบแอร์โรไดนามิกที่ดีเยี่ยมด้านข้างตัวรถมีช่องดักลมระบายความร้อนระบบภายใน และช่องดักลมส่งผ่านอากาศไปสู่ท้ายรถเพิ่มแรงกดบริเวณสปอยเลอร์ท้ายแบบ Active ที่สามารถเป็น Air brake ได้ พร้อม Diffuser ท้ายขนาดใหญ่เทคโนโลยีรถ F1 ทำการรีดลมออกจากตัวรถให้รวดเร็วที่สุด
ด้วยการออกแบบภายในเน้นความหรูหราของ Pininfarina Battista นั้นได้คัดสรรวัสดุคุณภาพสูงหนังแท้และคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งด้วยไฟ ambient light แผงควบคุมมาตรวัดต่างๆ แสดงข้อมูลได้ละเอียดยิบในแบบทัชสกรีน แยกออกเป็น 3 จอ โดยตรงกลางจะแสดงความเร็วกับตำแหน่งเกียร์ จอซ้ายแสดงข้อมูลของตัวรถวัดค่าต่างๆ ทั้งหมด และจอขวาเป็นส่วนของ Entertainment เครื่องเสียง ระบบนำทาง เครื่องปรับอากาศ การสื่อสาร ติดตั้งในตำแหน่งโฟกัสเฉพาะคนขับเป็นหลัก พวงมาลัยทรงท้ายตัดขนาดกระทัดรัดสไตล์รถแข่งช่วยการบังคับเลี้ยวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Pininfarina Battista นั้นขุมพลังเป็นแบบ EV ไฟฟ้า 100% ปล่อยค่ามลพิษเป็นศูนย์ สามารถวิ่งระยะทางสูงสุด 450 กิโลเมตร รีดพละกำลังได้ 1,900 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 2,300 นิวตันเมตร ให้มาตั้งแต่เริ่มเหยียบคันเร่ง อัตราเร่ง 0-100 ต่ำกว่า 2.0 วินาที 0-300 ต่ำกว่า 12.0 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 350 กิโลเมตร/ ชั่วโมง ด้วยสมรรถนะระดับนี้ถือว่าก้าวข้ามรถแข่ง F1 ได้อย่างสบาย
Pininfarina Battista ใช้แบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ถูกติดตั้งถัดจากด้านหลังเบาะบริเวณใต้พื้นรถเป็นรูปแบบ T Shaped เพื่อการกระจายน้ำหนักและถ่ายทอดกำลังไปทั้ง 4 ล้อได้อย่างสมดุล พร้อมแผงหล่อเย็นติดตั้งมาทั้งหมด 5 ชุด รองรับอุณหภูมิให้คงที่ในทุกย่านความเร็ว ระบบเบรกเป็นแบบคาร์บอนเซรามิค 6 สูบ ขนาดจาน 390 มม. ทั้งหน้าและหลัง สวมด้วยยาง 21 นิ้ว Pirelli P Zero มีแถบสีบนยางเพิ่มความสวยงาม
Hypercar อย่าง Pininfarina Battista รุ่นนี้จะพร้อมส่งให้กับลูกค้าที่จับจองไว้ในปี 2020 มาในจำนวนจำกัดเพียง 150 คันเท่านั้น ทุกคันจะผลิตด้วยมือที่โรงงาน Turin ประเทศอิตาลี สนนราคาราวๆ 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ตีเป็นเงินไทยก็เกือบ 70 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี)
บทความโดย : Bangkoksupercar.com